อาดิดาส จาบูลานี (
อังกฤษ: Adidas Jabulani) หรือที่นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า
จาบูลานี คือชื่อเรียก
ลูกฟุตบอลที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อใช้อย่างเป็นทางการในการแข่งขัน
ฟุตบอลโลก 2010 ที่
แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ โดย บริษัท
อาดิดาส บริษัทผลิตเครื่องกีฬารายใหญ่ของ
เยอรมนี โดยผู้ออกแบบคือ สถาบันเทคโนโลยีการกีฬาแห่ง
มหาวิทยาลัยลัฟโบโร ประเทศอังกฤษ และได้รับการรับรองจาก
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่าจาบูลานี ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่
4 ธันวาคม ค.ศ. 2009 ในงานจับสลากแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2010 ที่เมือง
เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ โดยคำว่า "จาบูลานี" หมายถึง "
ความสุข และ การเฉลิมฉลอง" ใน
ภาษาซูลู อันหมายถึง เป็นสิ่งที่ทำให้แฟน ๆ ที่เข้ามาชมฟุตบอลโลกครั้งนี้นั้นมีความสุขนั่นเอง โดยภาษาซูลูถือเป็น 1 ใน 11 ภาษาอย่างเป็นทางการของแอฟริกาใต้และยังบ่งบอกถึงความเป็นตัวแทนของนักฟุตบอล 11 คนในแต่ละทีมอีกด้วย นอกจากนั้นฟีฟ่ายังได้ระบุว่า จาบูลานี คือ ลูกฟุตบอลรุ่น
กลมที่สุดเท่าที่เคยผลิตมาแถมยังมีความเที่ยงตรงและแม่นยำมากที่สุดเวลาลอยอยู่บน
อากาศ นอกจากนี้ยังยึดเกาะเป็นเยี่ยมในทุกสภาพอากาศและพื้น เพราะไม่ได้ใช้วิธีการเย็บและมี
มวลทั้งลูกรวมกัน 380
กรัม[1][2]แต่ทว่า มีนักฟุตบอลหลายคนเมื่อได้ลองเล่น จาบูลานี แล้วได้วิจารณ์ไปในทางไม่ดี โดยมักบอกว่าควบคุมทิศทางของลูกได้ยาก อาทิ
ทีมชาติอังกฤษ รวมถึง
เดวิด ซีแมน อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษและ
อาร์เซนอล โดยกล่าวว่า มันเป็น
ฝันร้ายของผู้รักษาประตู เป็นต้น
[3][4] แต่ทว่าทางอาดิดาส บริษัทผู้ผลิตก็มิได้สนใจต่อเสียงวิจารณ์นี้ โดยกล่าวว่าเพราะเป็น
เทคโนโลยีใหม่ ที่ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกัน
[5]ซึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ จาบูลานี จะถูกใช้ในแต่ละแมตช์ แมตช์ละ 25 ลูก โดยที่จะมีการปักชื่อทีม 2 ทีมที่แข่งขันกัน ชื่อสนามและชื่อเมืองที่ใช้เป็นสถานที่แข่งขัน และวันเดือนปีที่แข่งลงในลูกฟุตบอลอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังมี
โจ'บูลานี (Jo'Bulani) ซึ่งเป็นจาบูลานีที่มีลายเป็น
สีขาวทอง ไว้สำหรับใช้ในรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่
12 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ที่เมือง
โจฮันเนสเบิร์ก อีกด้วย โดยคำว่า "โจ'บูลานี" เป็นผลงานการออกแบบโดยดีไซเนอร์ของอาดิดาส ชื่อ ยานเนกเก้ แวน อูร์ชอต เหตุที่ใช้ชื่อว่า โจ'บูลานี่ เพื่อเป็นเกียรติแก่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ที่มีชื่อเรียกสั้น ๆ ว่า โจ'เบิร์ก (Jo'burg) ที่มีฉายาว่า ดินแดนแห่ง
ทองคำ (City of Gold) จึงใช้สีทองเป็นลายทองบนพื้นขาว และสีทองยังเป็นความหมายของการชิงชนะเลิศอีกด้วย ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สองที่อาดิดาสได้ออกแบบลูกฟุตบอลสำหรับเพื่อใช้เฉพาะแมตช์ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกโดยเฉพาะ หลังจากที่เคยออกแบบลูกฟุตบอลสีทองชื่อ "ทีมไกสต์ เบอร์ลิน" (Teamgeist Berlin) สำหรับแมตช์ชิงชนะเลิศ
ฟุตบอลโลก 2006 ระหว่าง
อิตาลี และ
ฝรั่งเศส [6]